บีเอ็มดับเบิลยู ผู้พัฒนายนตรกรรมหรูจากประเทศเยอรมนี วางแผนจะเปิดตัวรถยนต์ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดเท่าที่ทางค่ายเคยพัฒนามาในปีค.ศ.2021 หรือตรงกับพ.ศ.2564
รถยนต์ไฮเทคที่ว่านี้ได้รับชื่อว่า ไอเน็กซ์ (iNext) ฟังจากชื่อแล้วคงเดาไม่ยากว่าจะต้องเป็นรถที่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับสารพัดเทคโนโลยีไอทีในปัจจุบัน รวมไปถึงระบบการขับขี่แบบอัตโนมัติ ส่วนการออกแบบในแง่ของรถยนต์ ไอเน็กซ์ถือเป็นรถเก๋งขนาดกลางแบบครอสส์โอเวอร์
ท็อป เกียร์ รายการด้านยนตรกรรมและ แก๊ดเจ็ตชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เผยแพร่ในเว็บไซต์บีบีซี ระบุว่า ไม่น่าแปลกใจที่บีเอ็มดับเบิลยู ไอเน็กซ์ จำเป็นจะต้องมีความไฮเทคสูงมาก เพราะถือว่ามาสายที่สุดในบรรดาค่ายรถโลกตะวันตก อาทิ รถพลังงานไฟฟ้าจากค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะออกจำหน่ายก่อนไอเน็กซ์ 1 ปี ส่วนค่ายเอาดี้จะเปิดตัวก่อนไอเน็กซ์ถึง 3 ปี ค่ายจากัวร์เปิดตัวก่อน 4 ปี และค่ายเทสล่าจากสหรัฐอเมริกาที่จะเปิดตัวรถไฮเทคก่อนบีเอ็มดับเบิลยูถึง 5 ปีเต็ม
ดร.เอียน โรเบิร์ตสัน ผู้จัดการด้านการตลาดของ บีเอ็มดับเบิลยู ระบุว่า ไอเน็กซ์ถือเป็นโครงการ ที่น่าตื่นเต้นของทางค่าย เพราะไอเน็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ยนตรกรรมในอนาคตอีก 100 ปีข้างหน้าของบีเอ็มดับเบิลยู โดยไอเน็กซ์จะมาพร้อมกับนวัตกรรมขับขี่อัตโนมัติขั้นที่ 4 (Level 4 automation) ซึ่งหมายความว่าผู้นั่งนั้นแทบไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ดร.โรเบิร์ตสันยอมรับว่าการนำเสนอไอเน็กซ์สู่ตลาดผู้บริโภคนั้นมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง ถือเป็นสิ่งที่บีเอ็มดับเบิลยูกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฮเทค
ดร.โรเบิร์ตสันกล่าวว่า ไอเน็กซ์แม้มีระบบขับขี่อัตโนมัติแต่ขอให้ผู้บริโภคสบายใจ เพราะบีเอ็ม ดับเบิลยูจะยังคงติดตั้งพวงมาลัย คันเร่ง เบรก และเกียร์ ไว้เหมือนเดิมทุกประการ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ระหว่างระบบขับขี่อัตโนมัติกับการขับขี่ด้วยตัวเอง
“ถึงระบบขับขี่อัตโนมัติกำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะยังอีกนานกว่าผู้คนจะยอมรับ และกฎหมายจะออกมารองรับรถยนต์ ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติแบบที่มนุษย์ไม่สามารถบังคับเองได้อีกต่อไป เพราะจะอย่างไรเสีย ผมคิดว่าการขับรถเองนั้นยังจำเป็นในสถานการณ์บางรูปแบบ เป็นสิ่งที่ระบบขับขี่อัตโนมัติยังแทนที่ไม่ได้” ดร.โรเบิร์ตสันกล่าว
ด้านท็อปเกียร์ระบุว่า บีเอ็มดับเบิลยูยังมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กในปี 2562 และบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3 แบบใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนในปีค.ศ.2020 ส่วนทางไอเน็กซ์ นั้น ท็อป เกียร์ คาดว่าบีเอ็มดับเบิลยูน่าจะใช้ชื่อรุ่นว่า ไอ 4 และไอ 5 หลังจากบีเอ็มดับเบิลยูจดทะเบียนการค้าตั้งแต่ ไอ 3-8 ไว้แล้วล่วงหน้า
ขณะที่ตลาดรถยนต์แบบครอสส์โอเวอร์ถือว่ากำลังมาแรงในปัจจุบัน ขณะที่รูปแบบของรถนั้นแหล่งข่าวภายในของบีเอ็มดับเบิลยูบอกใบ้ว่าจะออกแนวคล้ายๆ กับไอ-เพซ จากค่ายจากัวร์ (Jaguar I-Pace) ส่วนในภาพที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาแสดงนั้นเป็นภาพจากวิสัยทัศน์ 100 ปี
ตามแผนของบีเอ็มฯ จะผลิตรถยนต์รุ่นไฮเทคที่โรงงานดิงโกลฟิง อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมิวนิก
“ลูกค้าของเราส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป ดังนั้น จึงชัดเจนสำหรับเรามากว่าเราสนับสนุนชุมชนยุโรป เราสนับสนุนตลาดภายใน นั่นเป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่ เราได้รับประโยชน์จากยุโรปและจากเงินยูโร” ฮารัลด์ ครูเกอร์ ซีอีโอของบีเอ็มฯ กล่าว ในการประชุมประจำปีเมื่อสัปดาห์ก่อน
ขอขอบคุณบทความจาก : http://daily.khaosod.co.th
ความเห็นของคุณ
comments