ปักกิ่งเตรียมเปลี่ยนแท็กซี่ในระบบ 7 หมื่นคัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 5 ปี หวังแก้ปัญหามลพิษ
เทศบาลกรุงปักกิ่งประกาศแผนยกเลิกรถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมัน ทั้งเบนซิลและดีเซล จำนวนกว่า 7 หมื่นคัน และเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าภายในระยะเวลา 5 ปี โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมดกว่า 1 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4 หมื่น 5 พันล้านบาท โดย ปักกิ่งไม่ใช่เมืองแรกที่ออกมาตรการเปลี่ยนแท็กซี่ทั้งระบบเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยเมืองเสิ่นเจิ้น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ก็เคยประกาศแผนดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ และได้เริ่มดำเนินการแล้วในปีนี้
สำหรับ มาตรการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความพยายามของทางการจีนที่จะแก้ปัญหามลพิษที่รุนแรงติดอันดับโลก โดยข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียระบุว่าใน 10 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก 7 เมืองอยู่ในประเทศจีน
ปัญหามลพิษนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างมาก จนถึงกับทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจเป็นวงกว้าง ล่าสุด ก็มีกลุ่มนักกฎหมายและทนายความ รวมตัวกันยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหาย และคำขอโทษจากทางการกรุงปักกิ่งและพื้นที่ใกล้เคียง โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลท้องถิ่นไม่ได้พยายามแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายกลุ่มดังกล่าว ระบุว่าพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับชัยชนะในการฟ้องร้องครั้งนี้ เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงการละเลยที่จะแก้ปัญหาของรัฐบาลท้องถิ่น
ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2016 จากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีน ซึ่ง จีนเป็นประเทศที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก คือ 507,000 คัน ตามมาด้วย ยุโรป 221,000 คัน และสหรัฐอเมริกา 157,000 คัน ขณะที่ในปี 2014 กรุงปักกิ่งเคยนำแท็กซี่ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการ 200 คัน แต่บรรดาคนขับแท็กซี่ก็พากันบ่นว่าต้องเสียเวลาต่อคิวรอชาร์จไฟที่สถานีนานที่สุดถึง 6 ชั่วโมง
ขอขอบคุณบทความจาก : https://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/47997
ความเห็นของคุณ
comments